Keyword Research คืออะไร ?
ถ้ามีคนเดินมาตบไหล่แล้วถามว่า “เฮ้ย… Keyword Research คือไรวะ?”
ให้ตอบไปเลยว่า…
“มันคือการแอบฟังว่าลูกค้าอยากได้อะไร แล้วเราก็แค่ไปหาของสิ่งนั้นมาให้เขา”
แค่นั้นเลย!
มันคือการทำงานแบบ “เอาใจลูกค้า” ไม่ใช่การทำงานแบบ “เอาแต่ใจเรา”
แทนที่เราจะมานั่งคิดว่า ‘กูจะเขียนเรื่องอะไรดีวะ?’… เราเปลี่ยนไปถามว่า ‘ลูกค้าแม่งอยากรู้อยากอ่านเรื่องอะไรวะ?’
คอนเทนต์ของเราคือ ‘กุญแจ’… ส่วนปัญหาของลูกค้าคือ ‘แม่กุญแจ’… Keyword Research ช่วยให้เราสร้างกุญแจที่ถูกต้อง ไม่ใช่กุญแจผีที่ไขอะไรไม่ได้เลย
นั่นแหละ! แก่นของมันมีแค่นี้เลยเพื่อน!
ทำไม Keyword Research ถึงสำคัญ
ถามว่า “ทำไม Keyword Research ถึงสำคัญ?”
ตอบแบบกำปั้นทุบดินเลยนะ…
จะได้ไม่เหนื่อยฟรีไงเพื่อน!
ลองนึกภาพตามนะ…
การทำคอนเทนต์โดยไม่ทำ Keyword Research… มันเหมือนเราเป็นเซลส์แมนที่โคตรขยันเลยนะ แต่ดันไปเดินขายของใน “หมู่บ้านร้าง” อ่ะ…
เราเคาะประตูไป 100 หลัง ตะโกนจนคอแหบ ก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมาคุยกับเราซักหลัง… เหนื่อยไหมล่ะ? เสียเวลาไหม? หมดกำลังใจไหม?
แต่ การทำ Keyword Research… มันคือการที่เราได้ “รายชื่อบ้านที่มีคนอยู่” และที่สำคัญที่สุดคือ “บ้านหลังนั้นเขาติดป้ายไว้หน้าประตูเลยว่ากำลังอยากได้ของที่เราจะขายพอดี!”
ดังนั้น ความสำคัญของมันคือ
- เราจะไม่เสียแรงเคาะประตูผิดบ้าน: เราจะเดินตรงไปเฉพาะบ้านที่ต้องการเรา ทำให้ทุกบทความที่เราเขียนมี “โอกาส” ที่จะเจอคนอ่านเสมอ
- เราจะคุยภาษาเดียวกับเจ้าของบ้าน: เรารู้ว่าต้องทักทายเขายังไง (ใช้คำที่เขาใช้ค้นหา) เขาถึงจะเปิดใจคุยและเชื่อใจเรา
- เราจะปิดการขาย (หรือทำให้เขาเชื่อ) ได้ง่ายขึ้น: พอเขาอยากได้ของ/อยากรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว เราแค่เสนอให้ถูกจังหวะ… โอกาสสำเร็จมันก็สูงกว่าเทียบไม่ติด
Keyword Research หาจากไหนได้บ้าง
แหล่งที่ 1: “ลายแทงฉบับประชาชน 55+” (ฟรีและดีสัสๆ)
นี่คือแหล่งข้อมูลที่เราต้องเริ่มก่อนเสมอ เพราะมันคือเสียงจาก “คนจริงๆ” ไม่ใช่ตัวเลขจากโปรแกรม
- พี่ Google คนดีคนเดิม
- ช่องค้นหา (Autocomplete): แค่เริ่มพิมพ์… แล้วดูว่าพี่กูเกิลเขา “เดาใจ” ว่าเราจะพิมพ์อะไรต่อ นั่นแหละคือสิ่งที่คนค้นหากัน!
- กล่อง “คำถามอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” (People Also Ask): “ข้อสอบ” ที่ Google เอามาแจกฟรีๆ! อยากรู้ว่าคนสงสัยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ก็ดูในกล่องนี้แหละ
- “การค้นหาที่เกี่ยวข้อง” (Related Searches): อยู่ล่างสุดของหน้า… นี่คือไอเดียในการแตกไลน์คอนเทนต์ชั้นดีเลย
- สภาประชาชน (Pantip.com)
- นี่คือ “สภา” ที่คนไทยทุกหย่อมหญ้าเอาปัญหาจริงๆ มาถกกัน! อยากรู้ว่าคนมีปัญหากับเครื่องซักผ้ายี่ห้อไหน, งงกับภาษีอะไร, หรืออยากได้สูตรทำอาหารอะไร… เข้าไป “แอบฟัง” ในห้องที่เกี่ยวข้องได้เลย ภาษาที่เขาใช้คือภาษาจริงๆ ที่เราควรเอามาใช้
- ตลาดนัดเฟซบุ๊ก (Facebook Groups)
- เข้าไปอยู่ในกลุ่มที่ลูกค้าเราสิงสถิตอยู่… กลุ่มคนรักต้นไม้, กลุ่มนักวิ่ง, กลุ่มคุณแม่ลูกอ่อน… ในนั้นเต็มไปด้วย “ความต้องการ” และ “ปัญหา” ที่ยังไม่มีใครแก้ให้เขาอย่างจริงจัง
แหล่งที่ 2: “ลายแทงฉบับติดเทอร์โบ” (ใช้เครื่องมือช่วย)
พอเราเริ่มเก๋าจากสายฟรีแล้ว อยากไปให้เร็วกว่าเดิมและอยาก “แอบดูข้อสอบของคู่แข่ง” ด้วย ก็ค่อยมาดูเครื่องมือพวกนี้
- Google Keyword Planner (ของฟรีจาก Google)
- ตัวนี้เป็นของดีที่ Google ทำมาให้คนซื้อโฆษณาใช้ แต่เราก็แอบเอามาใช้ดู “แนวโน้ม” ของคีย์เวิร์ดได้ว่าคำไหนคนค้นหาเยอะน้อยแค่ไหน
- (แต่ต้องมีบัญชี Google Ads ก่อนนะ)
- Ahrefs / SEMrush (สองยักษ์ใหญ่สายเปย์)
- ถ้าจะเสียเงิน สองตัวนี้คือที่สุดแล้วเพื่อน มันเหมือนเราจ้าง “ยอดนักสืบ” ส่วนตัว ที่ไม่ได้แค่หาคีย์เวิร์ดให้ แต่ยังไปสืบมาให้หมดว่า…
- คู่แข่งของเราใช้คีย์เวิร์ดคำไหนทำเงิน?
- หน้าไหนในเว็บเขาที่คนเข้าเยอะสุด?
- เขาได้ลิงก์ดีๆ มาจากเว็บไหนบ้าง?
- มันคือการเปลี่ยนจาก “เดา” มาทำงานกับ “ข้อมูล” จริงๆ ที่ช่วยให้เราวางแผนรบได้คมขึ้น 10 เท่า
- หรือลองเข้าไปใช้ตัวทดสอบฟรี สำหรับโปรแกรมเหล่านี้ Ahrefs / SEMrush (แพงนะเพื่อน บอกเอาไว้ก่อนจะได้ไม่คาดหวังเยอะ)
- ถ้าจะเสียเงิน สองตัวนี้คือที่สุดแล้วเพื่อน มันเหมือนเราจ้าง “ยอดนักสืบ” ส่วนตัว ที่ไม่ได้แค่หาคีย์เวิร์ดให้ แต่ยังไปสืบมาให้หมดว่า…
สรุปนะเพื่อน…
การทำ Keyword Research มันคือ หัวใจหลักเลย ว่าเราควรจะทำ Keyword อะไร
“มีคนอยากรู้เรื่องนี้จริงไหม?” และ “เขาใช้คำพูดแบบไหนกันแน่?”
เพราะนี่คือหัวใจที่แท้จริงของการ ทำ Keyword Research ที่ไม่ใช่แค่การหาคำ แต่คือการทำความเข้าใจคน และสร้างเนื้อหาออกมาให้ตรงตาม Search Intent จะได้ไม่พลาดโอกาศในการหาลูกค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจเรา
FAQ: Keyword Research (ถามมา-ตอบไป สไตล์คนไม่ชอบจำ)
ถาม: แบบนี้แปลว่าผมต้องโยน Keyword Tool ที่เสียเงินซื้อมา (อย่าง Ahrefs, SEMrush) ทิ้งไปเลยรึเปล่า?
ตอบ: อย่าเพิ่งโยนทิ้งเพื่อน! เสียดายตังค์! คิดแบบนี้นะ… Keyword Tool มันเหมือน “Google Maps” ส่วนตัวเราคือ “คนนำทาง”
- Google Maps (Tool): บอกได้ว่าถนนเส้นไหนรถเยอะ (Search Volume) มีซอยเล็กซอยน้อยอะไรบ้าง (Related Keywords)
- คนนำทาง (ตัวเรา): ต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะไปเส้นทางไหนดีที่สุด ต้องดูสภาพอากาศ (เทรนด์) และต้องเข้าใจว่าคนที่นั่งมาด้วย (ลูกค้า) เขาอยากแวะที่ไหนเป็นพิเศษ (Search Intent)
สรุป: ใช้ Tool เพื่อ “หาไอเดีย” และ “ดูข้อมูล” แต่ใช้ “สมอง” และ “ความเข้าใจลูกค้า” ของเราในการ “ตัดสินใจ” ขั้นสุดท้าย
ถาม: แล้ว Search Volume เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่า “ดี” ในยุคนี้?
ตอบ: คำถามผิดว่ะเพื่อน! คำถามที่ถูกคือ “ความตั้งใจ (Intent) ของคนค้นหา ‘ใช่’ สำหรับเราแค่ไหน?” ให้จำไว้เลยนะ… ยอมขายของให้คน 10 คนที่กำเงินมาพร้อมซื้อ ดีกว่าไปตะโกนขายของให้คน 1,000 คนที่เดินผ่านไปมาเฉยๆ
คีย์เวิร์ดที่มีคนค้นหาแค่ 50 คนต่อเดือน แต่ทั้ง 50 คนนั้นเป็นลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อของของเรา 100%… แบบนี้มีค่ามากกว่าคีย์เวิร์ดกว้างๆ ที่มีคนค้นหาเป็นหมื่นแต่ไม่มีใครคิดจะซื้อเลย
ถาม: ตกลง “Topic” กับ “Keyword” มันต่างกันยังไงแน่?
ตอบ: นึกถึง “ต้นไม้” นะเพื่อน
- Topic (หัวข้อ): คือ “ต้นไม้ทั้งต้น” เช่น ‘การดูแลรักษารถยนต์’
- Keyword (คำค้นหา): คือ “กิ่ง ก้าน ใบ” ของต้นไม้นั้น เช่น ‘วิธีเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วยตัวเอง’, ‘ราคาล้างรถอัดฉีด’, ‘ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี’
การทำ SEO สมัยใหม่คือการปลูก “ต้นไม้” (Topic) ให้แข็งแรง ไม่ใช่การตามเก็บแค่ “ใบไม้” (Keyword) ทีละใบ
ถาม: ใน 1 บทความ ควรใส่คีย์เวิร์ดหลักกับคีย์เวิร์ดรองกี่คำดี?
ตอบ: ลืมเรื่อง ‘จำนวน’ กับ ‘ความหนาแน่น’ (Keyword Density) ไปเลย! มันโบราณเหมือนเพจเจอร์ไปแล้ว กฎข้อเดียวของยุคนี้คือ “เขียนให้อ่านรู้เรื่องและเป็นธรรมชาติที่สุด”
ถ้าคุณเขียนบทความเรื่อง “วิธีดูแลต้นมะม่วง” ได้ดีจริงๆ บทความนั้นมันจะ มีคำที่เกี่ยวข้องเองโดยอัตโนมัติ เช่น ‘ปุ๋ยต้นมะม่วง’, ‘รดน้ำยังไง’, ‘ตัดแต่งกิ่ง’, ‘โรคของมะม่วง’ โดยที่คุณไม่ต้องมานั่งนับคำเลย… โฟกัสที่การตอบคำถามของคนอ่านให้ครบถ้วนที่สุดพอ!
ถาม: “คีย์เวิร์ดหางยาว” (Long-tail Keyword) คืออะไร ช่วยอธิบายแบบง่ายๆ ที
ตอบ: นึกถึงตอนเราสั่งส้มตำ…
- คีย์เวิร์ดหางสั้น (Short-tail): “ส้มตำ” (กว้างมาก, การแข่งขันสูง)
- คีย์เวิร์ดหางยาว (Long-tail): “ส้มตำปูปลาร้าไม่ใส่ผงชูรสเผ็ดน้อยแถวบางใหญ่” (เจาะจงสุดๆ, การแข่งขันต่ำ, คนที่ค้นหาแบบนี้คืออยากกินจริงๆ!)
คีย์เวิร์ดหางยาวก็คือประโยคค้นหาที่ยาวและเจาะจงมากๆ ซึ่งคนที่ค้นหาแบบนี้มักจะมีความต้องการที่ชัดเจนสุดๆ และพร้อมที่จะเป็นลูกค้าเราได้ทันที
เป็นยังไงบ้างสำหรับบทความ Keyword Research ที่ TAOLEK นำมาเสนอ หากชอบก็อย่าลืมแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ