Backlink คืออะไรเพื่อน?
เอางี้… ไม่ต้องไปจำศัพท์เทคนิคอะไรเลยนะ Backlink คือ “การถูกพูดถึง” หรือ “การถูกแนะนำ” บนโลกออนไลน์นั่นแหละ
มันเหมือนชีวิตจริงของเราเลยเพื่อน… แต่ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่แค่ “ถูกพูดถึง” แต่อยู่ที่ “ใคร” เป็นคนพูดถึงเราต่างหาก!
ลองนึกภาพตามนะ… สมมติว่าเราเปิดร้านอาหารเล็กๆ ร้านนึง
- สถานการณ์ A: จู่ๆ “พี่หนุ่ม กรรชัย” พูดถึงร้านอาหารของเราในรายการโหนกระแสว่า “ร้านนี้อร่อยจริงครับ ผมไปลองมาแล้ว”… โอ้โห! อะไรจะเกิดขึ้น? พรุ่งนี้ร้านแตก! คนแห่ไปกินตามแน่นอนใช่ปะ? ร้านเราจะดูน่าเชื่อถือขึ้นมา 1,000% ทันที –> นี่แหละเพื่อน คือ “Backlink คุณภาพสูง!” มันคือการที่เว็บใหญ่ๆ ดังๆ ที่น่าเชื่อถือมากๆ แนะนำหรือลิงก์มาหาเว็บของเรา
- สถานการณ์ B: มีใครก็ไม่รู้ แต่งตัวมอมแมม มายืนตะโกนปาวๆ อยู่กลางตลาดว่า “ร้านนี้อร่อย! ร้านนี้อร่อย!”… เราก็คงแค่รู้สึกว่า “เออ…แล้วมึงเป็นใครวะ?” แถมถ้าคนตะโกนดูเป็นมิจฉาชีพ ภาพลักษณ์ร้านเราอาจจะดูแย่ไปด้วยซ้ำ –> นี่แหละคือ “Backlink คุณภาพต่ำ” (หรือ Spammy Link) มันคือการที่เว็บแปลกๆ เว็บพนัน หรือเว็บที่ไม่มีใครรู้จักลิงก์มาหาเรา ซึ่งอาจจะไม่ช่วยอะไรเลยแถมยังส่งผลเสียอีกด้วย
Backlink ช่วยเรื่องอะไรหรอเพื่อน
เมื่อกี๊เรารู้แล้วว่า Backlink คือการที่ “พี่หนุ่ม กรรชัย” หรือเว็บดังๆ พูดถึงร้านเราใช่ปะ?
คำถามต่อมาคือ “แล้วพอพี่หนุ่มพูดถึงเราแล้ว… เราจะได้อะไรบ้างวะ?”
มันได้ประโยชน์เน้นๆ 3 เรื่องใหญ่ๆ เลยเพื่อน นึกภาพตามนะ…
1. Google จะ “ลำเอียง” รักเรามากขึ้น (อันดับดีขึ้น)
นึกภาพ Google เป็น “เจ้าของห้างสรรพสินค้า” ที่มีร้านอาหารเป็นร้อยๆ ร้าน… เจ้าของห้างก็ไม่รู้หรอกว่าร้านไหนอร่อยจริง แต่พอ “นักชิมเบอร์หนึ่งของประเทศ” (เว็บใหญ่ๆ ที่ลิงก์มาหาเรา) เดินมาสะกิดบอกเจ้าของห้างว่า “เฮ้ย! ร้านของไอ้เพื่อนคนนี้แม่งเด็ดสุดในห้างแล้ว!”
ทันใดนั้น… เจ้าของห้าง (Google) ก็จะเริ่มมองเราเป็นพิเศษทันที! เขาจะเชื่อว่าร้านเราต้องมีดีจริงๆ เขาอาจจะ ย้ายทำเลร้านเราไปอยู่หน้าทางเข้าห้างเลยก็ได้! (ก็คือดันอันดับ SEO ของเราให้สูงขึ้น) เพราะเขาเชื่อคำแนะนำของนักชิมคนนั้น
2. เราจะได้ “ลูกค้าจร” ที่หลงเข้ามา (ได้ Traffic เพิ่ม)
ตอนที่คนกำลังดูรายการโหนกระแส หรืออ่านบทความของนักชิมคนนั้นอยู่… พอเขาพูดถึงร้านเราปุ๊บ!
ก็จะมีคนดู/คนอ่านส่วนหนึ่งที่แบบ “เฮ้ย! น่าสนใจว่ะ” แล้วก็ กดลิงก์ (หรือขับรถ) มาที่ร้านเราทันที เพื่อมาดูว่ามันจะเด็ดจริงอย่างที่เขาว่าไหม
ลูกค้ากลุ่มนี้เราไม่ได้เสียเงินยิงแอดหาเขาเลยนะ แต่เขามาเองเพราะ “คำแนะนำ” ล้วนๆ นี่คือทราฟฟิกฟรีๆ ที่มีคุณภาพสูงมาก เพราะเขามาด้วยความเชื่อใจในระดับหนึ่งแล้ว
3. Google จะรู้จัก “เมนูใหม่” ของเราเร็วขึ้น (เว็บโตไวขึ้น)
ปกติแล้ว “เจ้าของห้าง” (Google) อาจจะใช้เวลาเป็นอาทิตย์ๆ กว่าจะเดินมาตรวจร้านเราว่ามีเมนูใหม่อะไรน่าสนใจบ้าง
แต่ถ้า “นักชิมคนดัง” (เว็บใหญ่ที่น่าเชื่อถือ) แวะเวียนมาที่ร้านเราบ่อยๆ… พอเราออกเมนูใหม่ (บทความใหม่) ปุ๊บ เขาก็จะรีบเอาไปเขียนถึงทันที! ทำให้เจ้าของห้าง (Google) รู้จักเมนูใหม่ของเรา เร็วกว่าร้านอื่นที่ไม่มีใครพูดถึง ส่งผลให้บทความใหม่ๆ ของเราติดอันดับได้ไวขึ้น
Backlink ไม่ใช่แค่ลิงก์ แต่มันคือ “เสียงกระซิบ” ที่ทรงพลัง ที่ช่วยเร่งสปีดให้เราดังและปังขึ้นในโลกออนไลน์ มันคือทางลัดสู่ความสำเร็จที่ Google ยอมรับนั่นเอง
Backlink มีกี่ประเภทอะ
จะแบ่งแบบง่ายที่สุดในโลกเลยนะเพื่อน Backlink มันมี 2 ประเภทหลักๆ ในทางเทคนิค (จริงๆ มีแยกย่อยไปอีกนิดหน่อย แต่เอาแค่ 2 อันนี้ก็ครอบคลุม 99% ละ)
มันเหมือนกับ “ระดับ” ของคำแนะนำที่ “พี่หนุ่ม กรรชัย” จะพูดถึงร้านอาหารเรานั่นแหละ
ประเภทที่ 1: Dofollow Link (ลิงก์แบบ “การันตี”)
นี่คือลิงก์ที่เราอยากได้มากที่สุดในชีวิต!
มันคือการที่ “พี่หนุ่ม กรรชัย” พูดในรายการโหนกระแสว่า…
“ผมไปกินร้านนี้มา… ผมขอเอาเกียรติของผมเป็นประกันเลยว่าร้านนี้เด็ดจริง! ทุกคนต้องไปลอง!”
เป็นการแนะนำแบบ “เต็มที่” แบบเอาชื่อเสียงตัวเองมาค้ำประกันเลย!
ผลลัพธ์คือ: Google เห็นแบบนี้ก็จะแบบ… “โอ้โห! ขนาดพี่หนุ่มยังการันตี! งั้นร้านนี้ต้องโคตรเจ๋งแน่ๆ!” แล้ว Google ก็จะให้ “คะแนนความน่าเชื่อถือ” (Authority) จากพี่หนุ่มส่งผ่านมาถึงเราแบบเต็มๆ ทำให้อันดับเว็บเราพุ่งกระฉูด!
หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติม : Authority คืออะไร ทำไมถึงยิ่งทำก็ยิ่งได้ยิ่งมีมากก็ยิ่งอันดับดี
ประเภทที่ 2: Nofollow Link (ลิงก์แบบ “แค่พูดถึงเฉยๆ”)
ลิงก์ประเภทนี้ก็ยังดีอยู่นะ แต่น้ำหนักจะน้อยกว่าเยอะ
มันคือการที่ “พี่หนุ่ม กรรชัย” พูดในรายการว่า…
“เออ… ผมเห็นคนพูดถึงร้านนี้เยอะนะ… ส่วนตัวยังไม่เคยไปลองหรอก แต่เห็นเขาว่ากันว่าน่าสนใจ ก็ลองไปดูกันเองแล้วกันนะ”
เห็นความต่างไหม? เขา “พูดถึง” ร้านเรา ทำให้คนรู้จัก แต่เขา “ไม่ได้เอาชื่อเสียงตัวเองมาการันตี” เขาบอกให้คนไปตัดสินกันเอาเอง
ผลลัพธ์คือ: Google เห็นแบบนี้ก็จะเข้าใจว่า “อ๋อ… แค่พูดถึงเฉยๆ ไม่ได้การันตีนะ” ดังนั้น Google ก็จะ ไม่ให้คะแนนความน่าเชื่อถือ จากพี่หนุ่มส่งผ่านมาถึงเรา (หรือให้ก็น้อยมากๆๆ) แต่เราก็ยังได้ประโยชน์จากการที่คนดูรายการแล้วอาจจะคลิกมาที่เว็บเราอยู่ดี (ได้ Referral Traffic)
เกร็ดความรู้เสริม: หลังๆ Google ฉลาดขึ้นไปอีก เลยมีการแตกประเภทของ Nofollow ให้ละเอียดขึ้นไปอีก 2 แบบคือ
- Sponsored: คือลิงก์ที่เกิดจากการจ่ายเงินโฆษณา (เหมือนพี่หนุ่มบอกว่า “สปอนเซอร์วันนี้คือ…”)
- UGC (User-Generated Content): คือลิงก์ที่มาจากคอมเมนต์ของคนทั่วไป (เหมือนคอมเมนต์ใน Youtube ที่คนมาพิมพ์กันเอง)
ทั้งสองแบบนี้ก็ถือเป็น Nofollow เหมือนกัน คือ Google จะไม่ให้คะแนน Authority ผ่านมา
(vv คำพูดปิดท้ายสำหรับหัวข้อนี้ ! vv)
พอรู้แบบนี้แล้ว… คำถามที่ยากกว่าคือ “แล้วจะทำยังไงให้ ‘พี่หนุ่ม’ หรือเว็บใหญ่ๆ เขาอยากจะมาการันตี (ให้ Dofollow link) เราแบบเต็มใจล่ะ?”
คำตอบก็คือ “ร้าน” ของเราต้องเจ๋งจริง… ซึ่งมันก็วนกลับมาที่ การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าจนคนอื่นอดใจไม่ไหวต้องเอาไปพูดต่อ นั่นเองเพื่อน!
สรุปง่ายๆ
.. เอางี้ ไหนๆ ก็ยังไม่นอน เรามาคุยกันให้เคลียร์ไปเลยดีกว่าไหม อันนี้เป็น!
รวมคำถามที่คนทำ SEO มือใหม่คาใจเรื่อง Backlink ที่สุดมาให้ละ… ตอบให้แบบเพื่อนๆ เลย
FAQ เรื่อง Backlink (ถามได้-ตอบจริง ไม่อิงตำรา)
ถาม: คำถามที่สำคัญที่สุดเลย… แล้วจะไปหา Backlink ดีๆ (แบบ Dofollow) มาได้ยังไงวะ?
ตอบ: นี่แหละคำถามล้านดอลลาร์! เลิกคิดแบบ “นักล่า” ที่จะออกไปยิงลิงก์ แต่ให้คิดแบบ “คนสร้างสวนดอกไม้”
สวนดอกไม้ของเราก็คือ “คอนเทนต์” ในเว็บเรานั่นแหละ! หน้าที่ของเราคือ สร้างสวนของเราให้สวยที่สุด มีดอกไม้ที่หายากและมีประโยชน์ที่สุด (ทำคอนเทนต์ให้ดีที่สุดในโลก) แล้วเดี๋ยว “ผีเสื้อ” (Backlink) มันจะบินเข้ามาหาเองโดยธรรมชาติ!
วิธีที่นิยมทำกันก็มี
- สร้างคอนเทนต์สุดเทพ: ทำบทความ, Infographic, หรือวิดีโอที่ดีมากๆ จนคนอื่นอดใจไม่ไหวต้องเอาไปแชร์ต่อ
- ทำ Guest Post: คือการเอา “ดอกไม้” ของเราไป “จัดโชว์ในสวนของคนอื่น” (เขียนบทความดีๆ ไปลงในเว็บอื่น) แล้วก็ลิงก์กลับมาที่สวนของเรา
- สร้างสัมพันธ์กับสื่อ: ถ้าสวนเราสวยจริง เราก็ลองเชิญ “นักจัดสวนคนดัง” (นักข่าว, บล็อกเกอร์) มาเยี่ยมชม เผื่อเขาจะชอบใจแล้วเอาไปเขียนถึง
ถาม: เห็นมีคนรับจ้างทำ Backlink… ซื้อเลยได้ไหม? ง่ายดี
ตอบ: คำตอบสั้นๆ เลยนะเพื่อน… อย่า-หา-ทำ! มันเหมือนการ “ซื้อเพื่อน” หรือ “จ้างคนมาชม” อ่ะเพื่อน… มันดูดีแค่เปลือกนอก แต่ข้างในมันกลวงโบ๋และไม่จริงใจ Google ฉลาดพอที่จะดูออก และถ้าจับได้นะ… “สวน” ของเราอาจจะโดนยาฆ่าแมลงจนตายเรียบเลย (โดนลงโทษจนอันดับหายไปจาก Google)
ถาม: แล้วจะรู้ได้ไงว่าเว็บไหนเป็น “เว็บคุณภาพสูง” ที่เราควรได้ลิงก์มาจากเขา?
ตอบ: ให้เราเช็ก “โปรไฟล์” ของเพื่อนที่จะมาการันตีเราไง!
- เขาเป็นคนในวงการเดียวกับเราไหม? (Relevance – ความเกี่ยวข้อง): ถ้าเราทำร้านอาหาร ก็ควรได้ลิงก์จากเว็บรีวิวอาหาร ไม่ใช่เว็บขายอะไหล่รถยนต์
- เขาเป็นคนดังที่น่าเชื่อถือรึเปล่า? (Authority – บารมี): เป็นเว็บใหญ่ที่คนรู้จักไหม? หรือเป็นแค่เว็บปั่นที่เพิ่งสร้างเมื่อวาน?
- บ้านของเขาน่าอยู่ไหม? (Website Quality): หน้าตาเว็บของเขาดูดีไหม? หรือว่าเป็นเว็บรกๆ มีแต่โฆษณากระพริบๆ เต็มไปหมด?
ถ้าตอบว่า “ใช่” ทั้ง 3 ข้อ ก็ถือว่าเป็น Backlink ที่ดีมาก!
ถาม: สรุปแล้วต้องมี Backlink เยอะแค่ไหนถึงจะดี?
ตอบ: มันเหมือนถามว่าต้องมีเพื่อนกี่คนถึงจะดี… คำตอบคือ “มีเพื่อนแท้ที่จริงใจและน่าเชื่อถือแค่ไม่กี่คน ดีกว่ามีเพื่อนกินที่นิสัยไม่ดีเป็นร้อยคน” นะเพื่อน
Backlink คุณภาพสูง (Dofollow) จากเว็บที่น่าเชื่อถือแค่ 1 ลิงก์ อาจมีค่ามากกว่า Backlink คุณภาพต่ำ 100 ลิงก์เลยนะ… คุณภาพชนะปริมาณเสมอ!
ถาม: แล้วลิงก์แบบ Nofollow มันไร้ค่าเลยรึเปล่า?
ตอบ: ไม่ถึงกับไร้ค่าซะทีเดียว… แต่มันเหมือน “วิตามินเสริม” ไม่ใช่ “อาหารหลัก” มันอาจจะไม่ให้ “คะแนนความน่าเชื่อถือ” กับเราโดยตรง แต่…
- มันยังช่วยพาคน (Referral Traffic) จากเว็บนั้นมาหาเราได้อยู่
- มันช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ทำให้คนเห็นชื่อเราผ่านตามากขึ้น สรุปคือ มีก็ดีกว่าไม่มี แต่ไม่ต้องไปขวนขวายหามันเท่า Dofollow
(vv ท่าเชื่อมปิดท้าย… สุดท้ายจริงๆ ละ! vv)
ท้ายที่สุดแล้ว… การสร้าง Backlink ที่ดีมันก็คือ “ผลพลอยได้” ของการที่เราทำเว็บให้ดีจนเป็นที่ยอมรับ ซึ่งมันก็คือเป้าหมายสูงสุดของ การสร้าง E-E-A-T นั่นเอง เพราะถ้าโปรไฟล์เราเทพจริง เดี๋ยว “พี่หนุ่ม” ก็จะเดินมาหาเราเองโดยที่เราไม่ต้องไปร้องขอเลย!
อย่าพลาดบทความดี ๆ จาก TAOLEK ด้วยนะครับ หากชอบก็อย่าลืมแชร์ไปให้เพื่อน ๆ คุณอ่านละ