Nofollow คืออะไร?
เฮ้! คราวก่อนเราคุยเรื่อง Dofollow ที่เป็นเหมือน “ไฟเขียว” ส่งพลังให้กันไปแล้วใช่ปะ? วันนี้เราจะมาคุยถึงคู่แฝดคนละฝาของมัน นั่นก็คือ Nofollow ที่หลายคนมองว่าเป็น “ไฟแดง” หรือ “ทางตัน” ในโลกของ Backlink
บางคนบอกว่ามันไร้ค่า… จริงดิ? บางคนบอกว่าต้องมี… อ้าว ยังไง? ใจเย็นๆ เพื่อน ไม่ต้องงง วันนี้เราจะมาแฉทุกซอกทุกมุมของเจ้า Nofollow กัน รับรองว่าอ่านจบแล้วนายจะร้องอ๋อเลย!
สรุป Nofollow แบบคำเดียวจบ “ไม่นับคะแนน”
เอาง่ายๆ เลยนะเพื่อน Nofollow คือการที่เราลิงก์ไปหาเว็บอื่น แต่แปะป้ายบอก Google ไปด้วยว่า “เฮ้ Google! ลิงก์นี้ฉันแค่พูดถึงเฉยๆ นะ ไม่ต้องตามไป ไม่ต้องให้คะแนน SEO หรือส่งพลังอะไรไปทั้งนั้น”
นึกภาพนายไปกินข้าวกับเพื่อน แล้วเพื่อนถามว่า “ร้านนี้อร่อยปะ แนะนำมั้ย?”
- ถ้าตอบว่า “โคตรอร่อย ต้องลอง!” <– นี่คือ Dofollow (แนะนำเต็มที่)
- ถ้าตอบว่า “เออ ก็เคยกินนะ อยู่ตรงนั้นแหละ” <– นี่แหละคือ Nofollow (แค่ชี้เป้า ไม่ได้การันตีรสชาติ)
ในทางเทคนิค มันคือการเติมโค้ด rel="nofollow" เข้าไปในลิงก์เท่านั้นเอง ง่ายๆ แค่นี้เลย
แล้วเราจะใช้ Nofollow ตอนไหนบ้าง? (โคตรสำคัญ!)
นี่คือหัวใจของเรื่องเลย! เราไม่ได้ใช้ Nofollow มั่วซั่วนะเพื่อน แต่มันมีสถานการณ์บังคับของมันอยู่
1. ลิงก์ที่เขาจ่ายตังค์มา (Sponsored Links/Ads)
ถ้ามีแบรนด์มาจ้างเราให้เขียนบทความแล้วใส่ลิงก์ให้เขา การใส่ Nofollow คือการแสดงความจริงใจกับ Google ว่า “ลิงก์นี้ฉันได้ตังค์มานะ ไม่ได้แนะนำจากใจ 100%” ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำ
2. พื้นที่ที่ User เป็นคนใส่ลิงก์เอง (คอมเมนต์, เว็บบอร์ด)
ลองคิดดูดิ ถ้าทุกคอมเมนต์เป็น Dofollow link ป่านนี้เว็บเราคงกลายเป็นแหล่ง “ฝากร้าน” ของสแปมเมอร์ไปแล้ว การตั้งค่าให้เป็น Nofollow อัตโนมัติคือการป้องกันบ้านเราไม่ให้รกยังไงล่ะ
3. ลิงก์ไปเว็บที่เราไม่มั่นใจ 100%
บางทีเราอาจจะต้องอ้างอิงเว็บแปลกๆ ที่เราก็ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาเขาดีจริงมั้ย การแปะ Nofollow ก็เหมือนการเซฟตัวเองว่า “ฉันแค่พูดถึงนะ แต่ไม่ได้เอาชื่อเสียงไปรับประกัน”
Nofollow มันไร้ค่าจริงๆ เหรอ? (คำตอบคือ… ไม่โว้ย!)
ใครบอกว่า Nofollow ไม่มีประโยชน์นี่คือพลาดมาก! ถึงมันจะไม่ส่ง “พลัง SEO” ตรงๆ แต่มันให้ประโยชน์ทางอ้อมที่เจ๋งสุดๆ เลยนะ
- ได้ทราฟฟิกฟรีๆ: ถึง Google จะไม่นับคะแนน แต่ “คน” จริงๆ ก็ยังคลิกลิงก์ได้! ถ้าลิงก์นายไปอยู่ในเว็บใหญ่ๆ ที่มีคนเข้าเยอะ ถึงจะเป็น Nofollow คนก็ยังแห่เข้ามาเว็บนายได้อยู่ดี
- ทำให้โปรไฟล์ Backlink ดูธรรมชาติ: ลองคิดดู ถ้า Backlink ที่เข้ามาหาเว็บนายเป็น Dofollow หมด 100% มันก็ดูผิดธรรมชาติ เหมือนไปจ้างคนมาอวยชัดๆ การมี Nofollow ปนๆ มาบ้าง ทำให้ Google มองว่า “เออ เว็บนี้มันดูจริงดีนะ ไม่ได้ปั่น”
- สร้าง Brand Awareness: แค่มีชื่อเว็บหรือแบรนด์ของเราไปโผล่ที่อื่น ถึงคนไม่คลิก แต่เขาก็ “เห็น” มันคือการสร้างการรับรู้แบบเนียนๆ
เดี๋ยวก่อน! แล้ว sponsored กับ ugc ที่โผล่มาใหม่คืออะไรวะ?
อัปเดตล่าสุด! ตอนนี้ Google เขาแยกย่อย Nofollow ออกมาอีก 2 ตัวให้ชัดเจนขึ้น คือ
rel="sponsored": ใช้สำหรับลิงก์โฆษณาโดยเฉพาะ (ตัวตายตัวแทน Nofollow สำหรับลิงก์จ่ายตังค์)rel="ugc": (User-Generated Content) ใช้สำหรับลิงก์ในคอมเมนต์หรือเว็บบอร์ดโดยเฉพาะ
แล้วต้องเปลี่ยนไปใช้ตัวใหม่มั้ย?
คำตอบคือ ถ้าไม่ชัวร์หรือไม่สะดวก… ใช้ nofollow แบบเดิมไปนั่นแหละเพื่อน! Google บอกเองว่ามันยังใช้ได้และครอบคลุมทั้งหมด เซฟสุด!
คำถามที่พบบ่อย (ที่เพื่อนๆ แอบสงสัยกันเยอะ)
สรุปเว็บเราต้องมีทั้ง Dofollow และ Nofollow เลยปะ?
ใช่เลยเพื่อน! ของมันต้องมีทั้งคู่! การมี Backlink ที่เป็น Dofollow 100% มันดูไม่เป็นธรรมชาติในสายตา Google เหมือนเราไปจ้างคนมาอวยอย่างเดียว การมี Nofollow ปะปนมาบ้างนี่แหละ ที่ทำให้โปรไฟล์เว็บของเราดูเหมือน “ของจริง” เหมือนคนเราที่มีทั้งเพื่อนสนิท (Dofollow) และคนรู้จัก (Nofollow) นั่นแหละ มันถึงจะดูเป็นคนปกติ
ถ้าเว็บดังๆ อย่าง Sanook Pantip ลิงก์มาหาเราแต่เป็น Nofollow จะดีใจได้ปะ?
โคตรดีใจเลยเพื่อน! อย่าดูถูกพลังของมันนะ! ถึงเราจะไม่ได้คะแนน SEO ตรงๆ แต่สิ่งที่ได้มาคือ:
- ทราฟฟิกมหาศาล: คนที่เล่นเว็บพวกนั้นเยอะมาก แค่ 1% คลิกมาเว็บเราก็อาจจะล่มได้แล้ว!
- ความน่าเชื่อถือ: แค่มีชื่อแบรนด์เราไปโผล่ในเว็บระดับประเทศ มันก็คือการการันตีความมีตัวตนของเราไปในตัวแล้ว
จำไว้เพื่อน: Nofollow จากเว็บใหญ่ ดีกว่า Dofollow จากเว็บกากๆ ล้านเท่า!
งั้นลิงก์ออกไปเว็บอื่น ผมควรใส่ Nofollow ให้หมดเลยมั้ย? เซฟๆ ไว้ก่อน
เฮ้ย อย่าหาทำ! การลิงก์ออกไปหาเว็บอื่นที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกันด้วยลิงก์ Dofollow มันเป็นสัญญาณที่ดีนะเพื่อน มันบอก Google ว่า “เว็บฉันเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีนะ ฉันรู้จักและอ้างอิงเว็บดีๆ อื่นๆ ด้วย” มันเหมือนการแนะนำเพื่อนเก่งๆ ให้คนอื่นรู้จัก เราก็จะดูเป็นคนกว้างขวาง น่าคบหาไปด้วยไง แต่ถ้าลิงก์ไปเว็บโฆษณาหรือเว็บที่ไม่แน่ใจ… ก็จัด Nofollow ไปตามที่เราคุยกันได้เลย
ตกลงตอนนี้ Google มอง Nofollow เป็นแค่ ‘คำแนะนำ’ จริงๆ เหรอ?
ตามนั้นเลยเพื่อน! แต่ก่อน Google จะเชื่อ 100% ว่า ‘ห้ามตาม’ แต่ตั้งแต่ปี 2019 เขาเปลี่ยนเป็น “คำแนะนำ” (Hint) คือ Google จะใช้ประกอบการตัดสินใจ อาจจะอยากรู้อยากเห็นแล้วตามไปดูเนื้อหาบ้างก็ได้ถ้าเห็นว่ามันน่าสนใจจริงๆ… แต่ในฐานะคนทำเว็บอย่างเรา ไม่ต้องคิดมากเลยเพื่อน เราก็แค่ใช้งานมันตามหน้าที่ของมันเหมือนเดิมนั่นแหละดีที่สุดแล้ว
มีสัดส่วน Dofollow vs Nofollow ที่ดีที่สุดมั้ย? เช่น 70/30
ไม่มีเลยเพื่อน! ใครบอกว่ามีสูตรลับนี่หนีไปไกลๆ เลยนะ มันไม่มี “เลขมหัศจรรย์” อยู่จริง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ความเป็นธรรมชาติ” ให้เน้นสร้างคอนเทนต์ดีๆ แล้วลิงก์ที่ได้มามันจะเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมของมันเอง อย่าไปเสียเวลานั่งนับให้ปวดหัวเลย เอาเวลาไปทำคอนเทนต์เจ๋งๆ ดีกว่าเยอะ!
สรุป
โอเคเพื่อน ตอนนี้ก็น่าจะเก็ตแล้วนะว่า Nofollow ไม่ใช่ผู้ร้ายเลย แต่มันคือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เว็บเราดูเป็นธรรมชาติ ปลอดภัยจากสแปม และซื่อสัตย์กับ Google การมีทั้ง Dofollow และ Nofollow ในสัดส่วนที่เหมาะสมนี่แหละ คือหนทางสู่การทำ SEO ที่ยั่งยืนของจริง! ไปลุยต่อได้เลย!